มีตำนานเล่าขานกันต่อๆ มาว่า “นายเตว”
กับพวก 2 – 3 คนได้เข้ามาตีผึ้งที่ผาน้ำตกแห่งนี้
โดยออกอุบายนำเถาวัลย์มาพันเป็นเชือกหย่อนลงไปเบื้องล่างของน้ำตก
นายเตวอาสาโรยตัวลงไปเพื่อตีผึ้ง ซึ่งมีรังผึ้งเกาะติดอยู่กับหน้าผาหลายร้อยรัง โดยมิได้บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง
ในระหว่างที่นายเตวกำลังตีผึ้งอยู่นั้นได้เกิดอาเพศขึ้น
เพื่อนที่อยู่ด้านบนมองเห็นเถาวัลย์เป็นงูขนาดยักษ์เลื้อยพันขึ้นมา
ด้วยความตกใจกลัวจึงใช้มีดตัดฟันลงไปตรงเถาวัลย์ขาดสะบั้นทำให้ร่างของนายเตวที่ห้อยโหนอยู่นั้นร่วงหล่นลงสู่เบื้องล่างของน้ำตกเสียชีวิต
ยังผลให้น้ำตกแห่งนี้ได้ชื่อเรียกในเวลาต่อมาว่า “น้ำตกบักเตว”
ต่อมาได้มีการประกาศจัดตั้ง “อุทยานแห่งชาติภูจอง–นายอย”
ขึ้นในปี 2530
มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวน้ำตก
และมักจะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการลงเล่นบริเวณน้ำตกแห่งนี้
จนกระทั่งมีญาติของผู้เสียชีวิตมาเล่าว่า ผู้เสียชีวิตได้มาเข้าฝันแล้วบอกว่า
นายเตวไม่ต้องการให้ใครมาเรียกชื่อน้ำตกแห่งนี้ว่า “น้ำตกบักเตว”
เนื่องจากเป็นคำไม่สุภาพและได้ให้เปลี่ยนชื่อน้ำตกแห่งนี้เสียใหม่
ในที่สุดเมื่อปี พ.ศ. 2535 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อ “น้ำตกบักเตว”
เป็น “น้ำตกห้วยหลวง” ตามชื่อของลำห้วยซึ่งไหลพาดผ่านน้ำตกแห่งนี้
อุทยานแห่งชาติภูจอง - นายอย” ตั้งอยู่ใน อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี มีพื้นที่คลอบคลุมถึง อ.น้ำยืนและ
อ.บุณฑริกบางส่วน
เป็นอุทยานแห่งชาติซึ่งอาจจะมีชื่อเสียงไม่ค่อยคุ้นหูของหลายๆคนสักเท่าไหร่นัก แต่
ณ อุทยานแห่งชาติภูจอง – นายอยแห่งนี้นี่เองที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม(www.thongteaw.com) ของเราขอลงคะแนนเสียงให้อย่างเป็นเอกฉันท์ว่า
มีน้ำตกซึ่งมีความสวยงามติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศไทยตั้งอยู่
(การจัดอันดับความสวยงามของน้ำตกในประเทศไทยซึ่งทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมทำนี้
อาจไม่ตรงกับความรู้สึกของผู้อ่านบางท่าน หรือ ไม่ตรงกับที่นิตยสารการท่องเที่ยว
สำหรับใครที่ชื่นชอบการล่องแก่งแบบสบายๆไม่สมบุกสมบันมากนัก
สามารถติดต่อทางอุทยานแห่งชาติภูจอง – นายอยเพื่อล่องแพชมมวลหมู่ต้นสนสามพันปีและความเขียวขจีของแมกไม้ริมสายน้ำได้ในราคา
200 บาท/แพ 1 ลำ/รอบ
(แพ 1ลำนั่งได้ประมาณ 5 - 6 คน
ข้อมูลเมื่อเดือน มิ.ย. 2552) ณ บริเวณ “แก่งสนสามพันปี”
ระยะทางประมาณ 800 เมตรใช้เวลาไปกลับโดยเฉลี่ย 2 ชั่วโมง
สายน้ำระหว่างเส้นทางล่องแก่งไหลเอื่อยใสเย็น
ต้นไม้สองข้างทางร่มครึ้มเป็นบรรยากาศเบาๆชวนให้ผ่อนคลาย
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่องแก่งจะอยู่ราวๆต้นฤดูฝน – ต้นฤดูหนาว
(ประมาณเดือน มิ.ย. - ต.ค.) หรือหากใครอยากดูผีเสื้อพร้อมกับลงเล่นน้ำในจุดซึ่งค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสักหน่อยก็อาจขับรถมาจอดที่
“แก่งกะเลา” เป็นแก่งน้ำตื้นที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวแวะเข้ามาสักเท่าไหร่
เงียบ สงบ
แต่หากมาถึงแก่งช่วงสายเกินไปแดดจะร้อนและอาจทำให้ผู้ซึ่งลงเล่นน้ำไม่สบายได้
จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่อุทยานกล่าวว่า
ในช่วงต้นเดือน ก.ย.จะมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น ณ “แก่งลำดวน”
ซึ่งตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูจอง – นายอย
นั่นก็คือ “ปรากฏการณ์กุ้งเดินขบวน” ซึ่งจะมีกุ้งแม่น้ำออกมาเดินอวดกายอยู่บริเวณโขดหินริมแก่งลำดวนมากมายหลายพันหลายหมื่นตัว
ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆเพียงแค่ประมาณ 2 อาทิตย์เท่านั้น
ใครมีโอกาสได้มาชมปรากฏการณ์นี้ก็ถือได้ว่าโชคดีมากๆ
(ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมไม่มีโชคดีเท่าไหร่นักเนื่องจากมาเก็บข้อมูลในช่วงต้นเดือน
มิ.ย. 2552 ทำให้ไม่มีรูปของปรากฏการณ์นี้มาฝากครับ) และในช่วงเดือน ต.ค. - พ.ย.
ของทุกๆปีดอกไม้ซึ่งอยู่ตามพลาญหินต่างๆจะบานสะพรั่งชูช่อสวยงามอวดโฉมต้อนรับสายลมหนาวที่พัดมาแย้มเยือน
( “พลาญ” มีความหมายตรงกันกับคำว่า “ลาน”
ครับ) เป็นช่วงเวลาซึ่งอุทยานแห่งชาติภูจอง – นายอยมีความงดงามมากที่สุด
ที่ตั้ง : บ้านแก้งเรือง ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย
จ.อุบลราชธานี
การเดินทาง : ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24
มุ่งหน้าจาก อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ไปยัง อ.เดชอุดม เมื่อถึง
อ.เดชอุดมแล้วให้มุ่งหน้าต่อไปทาง อ.บุณฑริกโดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2182
เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2248 ที่ อ.บุณฑริก มุ่งหน้าไปยัง อ.นาจะหลวย
ขับรถผ่านที่ว่าการ
อ.นาจะหลวยไปอีกไม่ไกลจะเห็นทางแยกซ้ายมือและป้ายอุทยานแห่งชาติภูจอง – นายอยชัดเจน
เลี้ยวซ้ายที่ทางแยกแล้วขับรถตรงเข้าไปเรื่อยๆก็จะถึง (หากขับรถไปถึง
อ.น้ำยืนแสดงว่าเลยอุทยานฯแล้วครับ)